เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค จับกุมผู้ต้องสงสัย 12 คน เป็นชาย 10 คน หญิง 2 คน และเด็ก 3 คน พร้อมรถออฟโรด 6 คัน จากการตรวจสอบในรถคันที่ 5 พบ ปืนไรเฟิล ติดกล้องและอุปกรณ์เก็บเสียง พร้อมเครื่องกระสุน และยังมีปืนพกสั้นอีก 2 กระบอก และอุ้มเท้ามีขอ 4 เท้า โดยหนึ่งในนั้นมีชายอ้างตัวเป็นปลัดอำเภอด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี ไม่ยินยอมให้เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ค้นตัวหรือแตะต้อง พร้อมขู่ฟ้องกับเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้กลุ่มออฟโรดแอบอ้างว่าได้รับอนุญาตจากหัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยก ได้เข้าไปพักค้างแรมในพื้นที่ป่าบริเวณสำนักสงฆ์เต่าดำ ในเขตอุทยานฯ ตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 6 ตุลาคม โดยนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และปืนเข้าไปด้วย ก่อนเดินทางออกจากอุทยานฯ เมื่อช่วงเที่ยงวานนี้ ( 7 ต.ค.) แล้วถูกตรวจค้นจับกุมได้ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ทำบันทึกจับกุมและส่งตัวผู้ต้องสงสัยพร้อมของกลางดำเนินคดี สภ.ไทรโยค ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่าได้รับรายงานข้อมูลบางส่วนแล้ว แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดทั้งหมด หากมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องจริง ก็จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบการกระทำผิดวินัยร้ายแรงและหากพบว่าบุคคลที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิดจริงก็จะมีโทษสูงสุดคือการไล่ออกจากราชการ ขณะที่พ.ต.อ.ธานี สงวนจีน ผกก.สภ.ไทรโยค ในเรื่องคดีไม่ได้หนักใจอะไรเลย ถึงแม้จะเป็นปลัดอำเภอก็ตามจะทำคดีไปตามพยานหลักฐาน คดีไม่มีอะไรซับซ้อน ผิดก็ว่าไปตามผิดไม่มีใครมากดดันแต่อย่างใด และไม่มีการช่วยเหลืออย่างเด็ดขาด โดยคนขับรถออฟโรดคันหนึ่งที่เป็นอาสา แสดงตัวขอเป็นผู้รับผิดแต่เพียงผู้เดียว แต่อย่างไรก็ตามตำรวจก็ต้องเก็บหลักฐานและพยานอยู่ดี หากพบว่าใครเกี่ยวข้องจะถูกดำเนินคดีทั้งหมด แม้จะมีคนออกรับแทนก็ตาม
นายวัชรชัย สมีรักษ์ ปลัดอำเภอด่านมะขามเตี้ย
เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
1.เก็บหานำออก ทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายหรือเสื่อมสภาพ ทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ
2.นำสัตว์ออกไป หรือทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายแก่สัตว์
3.นำยานพาหนะเข้าออก หรือขับ ขี่ยานพาหนะ ในทางที่มิได้จัดไว้ เพื่อการนั้นเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
4.นำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์ หรือจับสัตว์ หรืออาวุธใด ๆ เข้าไป เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่
5. ร่วมกันล่าสัตว์ป่า หรือพยายามล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง เว้นแต่เป็นการกระทำโดยทางราชการที่ได้รับยกเว้น ตามมาตรา26
6. ร่วมมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครอง โดยมิได้รับอนุญาต ฐานเข้าไปดำเนินการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์ โดยมิได้รับอนุญาต จากพนักงานเจ้าหน้าที่ ฐานครอบครองอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในราชการสงคราม ดังกล่าว ขอให้พนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
7.ฐานร่วมกันซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทำความผิด ตามมาตรา 55 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าพ.ศ. 2535
8.ฐานร่วมกันเก็บหาของป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆอันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ ตามมาตรา 14 ประกอบมาตรา ๓๑แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507
9. ฐานครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในราชการสงคราม
อย่างไรก็ตามได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เข้าไปตรวจค้นจุดเกิดเหตุ ที่คาดว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวจะใช้เป็นจุดล่าสัตว์ป่า เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้ง.