เพื่อไทย ชี้ หมดความจำเป็นบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ดู 3,963 ครั้ง
ประจำวันที่ 28 เมษายน 2563

 

นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ, นายแพทย์ชลน่านศรีแก้ว, นายวัฒนา เมืองสุข แถลงข่าวในนามคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โดยกล่าวถึงกรณีที่ รัฐบาลพิจารณาต่อพระราชกำหนด บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นเวลา 1 เดือน ทีมยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยประเมินมาตรการเยียวยาประชาชน และการฟื้นฟูเศรษฐกิจซึ่ง อาจเป็นไปด้วยความล่าช้า และเห็นว่าประชาชนจะเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจรุนแรงขึ้น

จึงมีข้อเสนอเรื่องเยียวยาและมาตรการคลายล็อก มาตรการทางเศรษฐกิจ โดย นายวัฒนา ย้ำว่ารัฐบาลต้องเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึงตามทะเบียนราษฎร์ ให้เพียงพอโดยให้เงินช่วยเหลือครัวเรือนละ 10,000 บาท และดำเนินการโดยเร็ว เพราะความหิวของคนรอไม่ได้

สำหรับการผ่อนคลายมาตรการ ต้องคำนึงด้านเศรษฐกิจถึงคนตัวเล็กตัวน้อย หรือกลุ่มเศรษฐกิจฐานราก และควรเปิดให้เด็กได้เข้าเรียน เพราะตามหลักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าในกลุ่มของเด็กมีภูมิคุ้มกันและความเสี่ยงน้อยกว่าคนทั่วไป นายวัฒนา ย้ำว่าวันนี้หมดความจำเป็นที่จะบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

เนื่องจาก สถานการณ์โควิด ในขณะนี้ รัฐสามารถควบคุมโรคได้แล้ว เหลือสถิติผู้ติดเชื้อโควิด -19 เลขหลักเดียว โดยเพื่อไทยมองว่ารัฐบาลใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นเครื่องมือทางการเมือง

ด้าน นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ ระบุว่า กลุ่มอาชีพเกษตรกรได้รับความเดือดร้อนด้วยเช่นกัน พรรคเพื่อไทยจึงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งพิจารณาเยียวยาเกษตรกรรายครัวเรือน และตัวเลขที่เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์คือ 35,000 บาท ส่วนลูกจ้างในกลุ่มประกันสังคม ยังมีประชาชนจำนวนมากยังไม่ได้รับเงินเยียวยา จึงเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจเร่งจ่ายเงินโดยเร็วไม่ช้าไปกว่าสิ้นเดือนนี้

ขณะที่ นายแพทย์ชลน่าน ระบุว่า กลุ่มผู้ด้อยโอกาสทางสังคมได้เยียวยาตามสิทธิ์ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 2,000 บาทต่อราย จึงเห็นว่าคนที่เดือดร้อนแต่ยังไม่ได้การเยียวยาใดๆ รัฐควรดึงคนที่ยังตกหล่นให้ได้รับการเยียวยาเช่นกัน

สำหรับข้อสรุปที่วิปรัฐบาลปฏิเสธความร่วมมือลงชื่อเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณา พ.ร.ก.เงินกู้ 1.9 ล้านล้าน และ พ.ร.บ.โอน งบประมาณปี 2563 วงเงิน 100,395 ล้านบาทนั้น พรรคเพื่อไทยเห็นต่างในเรื่องนี้ เนื่องจากมองว่าหากพิจารณาได้เร็วก็จะสามารถอนุมัติการใช้งบประมาณได้เร็วขึ้น และนำเม็ดเงินไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และหากปล่อยให้เกิดความล่าช้าก็อาจจะสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติบ้านเมือง

ซึ่งถือว่าเรื่องนี้เป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องนำมาพิจารณาในสภาโดยเร็ว และต้องติดตามกรณีที่นายกรัฐมนตรี รับปากว่าจะคืนงบประมาณให้แก่ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ วงเงิน 2,400 ล้านบาท ซึ่งหากได้พิจารณาเรื่องเหล่านี้โดยเร็ว อาจจะทำให้ยอดวงเงินกู้ปรับลดลงจากเดิมด้วย.

Top